
Update ข่าว : วันที่ 21 ธ.ค 64
SINGER เผยปี 65 ตั้งเป้าดันพอร์ตสินเชื่อรวมแตะ 1.55 หมื่นล้านบาท จากสิ้นปีนี้ 1 หมื่นล้านบาท เผยได้เงินเพิ่มทุน 1.1 หมื่นล้านบาท ครบแล้ว เชื่อหนุนฐานทุนให้แข็งแกร่ง รองรับขยายธุรกิจใหม่ เผยบริษัทร่วมทุน GUNKUL เดินหน้าทำธุรกิจต้นปีหน้า หวังขยายฐานลูกค้าในมือ 1 แสนราย พร้อมดัน SGC เข้า SET คาด Q2-Q3/65 ตามแผน
นายกิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER เปิดเผยกับ “สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย” ว่า แผนธุรกิจปี 65 บริษัทตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อรวมเติบโตอยู่ที่ 15,500 ล้านบาท หรือ เติบโต 50% จากปีนี้ที่อยู่ 10,000 ล้านบาท โดยพอร์ตของบริษัทจะเติบโตไปในทิศทางเดียวกับกำไรที่คาดว่าปี 65 จะเติบโต 50% เช่นกัน ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการที่บริษัทมีขนาดธุรกิจที่ใหญ่ขึ้น และ มีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง หลังบริษัทได้รับการเพิ่มทุนเข้ามาประมาณ 11,000 ล้านบาท โดยบริษัทไว้ขยายธุรกิจ และ ต่อยอดร่วมกันกับบริษัทในกลุ่ม BTS ในการขยายไลน์สินค้าใหม่เข้ามาเสริมพอร์ตเพื่อเป็นโอกาสการเติบโต

สำหรับการร่วมมือกันระหว่าง บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART กับ บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL และ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER นั้น นายกิตติพงศ์ กล่าวว่า การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในครั้งนี้เพื่อจัดจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้า และ โซลาร์โซลูชั่น การจัดหาสินเชื่อ พัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์กัญชง และ ลงทุนติดตั้งระบบ Solar Rooftop โดยคาดว่าการจัดตั้งจะแล้วเสร็จต้นปีหน้า และ เบื้องต้นจะขยายไปยังร้านค้าที่มีอยู่จำนวน 100,000 ร้านค้า ซึ่งจะเน้นไปพื้นที่ภาคเหนือ กลาง อีสาน และ ตะวันออก

“ตอนนี้อยู่ระหว่างจัดทำแผน จึงยังไม่ได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตไว้ ซึ่งอันนี้ถือว่าอยู่นอกแผนที่เราวางไว้ นอกจากนี้ เรายังมุ่งเน้นลงทุนทางด้าน EV Charging Station และ ศึกษาความเป็นไปได้อื่น ๆเพิ่มเติมในอนาคตต่อไป” นายกิตติพงศ์ กล่าว
ด้านความคืบหน้าแผนการนำ บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด มหาชน (SGC) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้น นายกิตติพงศ์ กล่าวว่า กระบวนการยังเดินไปตามแผนที่วางไว้ โดยคาดว่าจะสามารถเข้า SET ได้ปลายไตรมาส 2 หรือ ต้นไตรมาส 3 ปีหน้า

ส่วนกรณีที่ทางสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) จะมีการกำหนดเพดานดอกเบี้ยรถยนต์ใหม่ รถยนต์มือ 2 และ รถจักรยานยนต์ นั้น นายกิตติพงศ์ กล่าวว่า ไม่กระทบต่อธุรกิจของบริษัท เนื่องจากบริษัทมีพอร์ตเช่าซื้อรถยนต์ประมาณ 10% เท่านั้น และ โดยปกติมีการคิดดอกเบี้ยไม่ถึง 20% อยู่แล้ว ส่วน SGC บริษัทคิดดอกเบี้ยเฉลี่ยอยู่ที่ 14-15% ซึ่งทำให้บริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากประเด็นดังกล่าว