9. ขาดการสร้างกำลังใจ เมื่อเจออุปสรรค
เห็นด้วยกับผมไหมละครับ หมดอะไรก็หมดได้
แต่..อย่าหมดกำลังใจ
เสียอะไรก็เสียได้ แต่..อย่าเสียกำลังใจ
ผมเห็นมาหลายเหตุการณ์แล้ว
นักธุรกิจปลิดชีพเพราะขาดทุน
นักลงทุนโดดตึกตายเพราะเป็นหนี้
นอกจาก เสียทรัพย์สินเงินทองแล้ว
สิ่งหนึ่งคือ เขาได้สูญเสียไปอีกคือ
เสียใจ หรือ เสียกำลังใจไปด้วย
แต่ก็มีนักธุรกิจบางท่าน เมื่อล้มแล้ว
เขายังสามารถลุกขึ้นมาได้อีก
ไม่ว่าจะล้มสักกี่ครั้ง เขาก็ยังลุกได้
เพียงเพราะ “เขามีกำลังใจ”
แต่เรื่องสร้างกำลังใจ
ใครก็สร้างให้คุณไม่ได้นะครับ
มันต้องมาจากก้นบึ้งหัวใจคุณเอง
ใครจะปลอบใจคุณ
ใครจะให้กำลังใจคุณแค่ไหน?
ถ้าคุณไม่ลุกขึ้นมาต่อสู้กับตัวเอง
ให้กำลังใจตัวเอง
ผมว่า คุณก็ยังลุกไม่ได้อยู่ดี
จะร้อยเสียงพันเสียงที่ตะโกนว่า
คุณคือ คนเก่ง! คุณทำได้! คุณสำเร็จได้!
เสียงมันจะดังแค่ไหน?
ผมว่าคุณก็ไม่ได้ยินนั่นแหละ
เพราะ ถ้าใจคุณบอกว่า คุณทำไม่ได้.!
คุณล้มเหลว.!
มันก็จะเป็นแบบอย่างที่ใจคุณคิดนั่นแหละ
ผมมีวิธีที่จะสร้างกำลังใจให้ตัวเอง 2 ข้อ
1. ให้คุณนับทุกอย่างเป็น ความก้าวหน้า
ไม่ว่า..เป้าหมายคุณจะเล็กหรือใหญ่
เมื่อได้ลงมือทำมันไปแล้ว
คุณได้เริ่มต้นแล้ว มันกำลังเดินไปข้างหน้าแล้วไง
แต่มันยังไม่ถึงเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ของคุณ
ไม่ต้องสนใจอะไร?
ให้นับไปเป็น 1 ความก้าวหน้าของคุณ
มันจะทำให้คุณมีพลัง! มีกำลังใจตลอดเวลา
เพราะคุณจะรู้สึกว่า อย่างน้อย
คุณก็ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง
เช่น หากคุณเป็นพนักงานขาย
แม้คุณจะปิดการขายไม่ได้
แต่คุณก็ได้นำเสนอสินค้าไปแล้ว
คุณต้อง YES! ให้กับตัวคุณเอง
เพราะอย่างน้อย มันคือ
ประสบการณ์ที่คุณได้คุยกับลูกค้า
ได้อ่านใจคนซื้อ หรือได้ฝึกการนำเสนอสินค้า
สิ่งเหล่านี้ มันคือ ชั่วโมงบินของคุณ บินไปเรื่อยๆ
สักวันหนึ่ง จากปีกที่อ่อนแอ
จะกลายเป็นปีกที่กางสง่าอยู่บนท้องฟ้าได้เอง.
2. คุณต้องทำตัวให้เหมือนน้ำ
อย่าเพิ่ง งง ครับ ตามปรัชญาของลัทธิเต๋า
เขาจะเปรียบว่าน้ำจะปรับสภาพได้กับทุกอย่าง!
หากมันจะไหลลงสู่ทะเล ไม่ว่ามันจะเจออะไรก็ตาม
แต่ มันจะไม่ปะทะตรงๆ แต่มันจะอ้อมๆ
จนไหลลงสู่ทะเลจนได้
ผมจะเปรียบเทียบ ว่า หากคุณเจอปัญหา
ที่คุณไม่สามารถแก้ไข ในระดับความคิดเดิมของคุณได้
บางทีคุณอาจจะต้องมีความคิดอีกระดับหนึ่ง
เช่น คุณอาจจะต้องมีความคิดสร้างสรรค์เพิ่มขึ้น
เพื่อกลับมาแก้ปัญหานั้น
ผมจะยกตัวอย่างเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งในชีวิตของผม
ผมว่าน่าจะมีใครหลายคนเป็นแบบผมเหมือนกัน
เป้าหมายของผมคือ ผมต้องการออมเงินเพื่อซื้อหุ้น
ผมต้องการเดินตามรอยมหาเศรษฐีท่านหนึ่ง
(ไอดอลผมเลย 555++)
แต่วิธีการออมของผมก็คือ
ในแต่ละเดือนเมื่อผมมีรายรับเข้ามา
ผมก็จะใช้จ่ายเหลือเท่าไหร่ผมถึงค่อยเก็บออม
ผ่านจาก 1 เดือน เป็น 3 เดือน เป็น 10 เดือน
ทำไม? เงินออมผมมันไม่กระเตื้องเลย
ผมก็แอบถอดใจนะครับ
แต่ ทุกปัญหามีทางออก
ผมอ่านหนังสือเจอเรื่องการออมอย่างถูกวิธี
ตาสว่างเลยครับ
ปฎิบัติการทันที เมื่อมีรายได้เข้ามาปุ๊บ..
ผมแบ่งเงินออกเป็น 6 ตุ่ม
(ผมเรียก ตุ่ม มันจะได้ดูยิ่งใหญ่ 555+)
ผมก็เลยจัดสรรเงินเสียใหม่ เป็นแบบนี้ครับ
⚪ ตุ่มที่ 1 FFA(10%)
เก็บเข้าออมแบบ ระยะยาว เป็นอมตะเลยครับ
ผมจะออมเพื่อซื้อหุ้น ถือยาวไม่มีการขาย
⚪ ตุ่มที่ 2 LTSS(10%)
ออมระยะสั้น-ปานกลาง เพื่อการลงทุน
ส่วนใหญ่ผมเอาไว้ซื้อประกันชีวิต ประกันสุขภาพ
⚪ ตุ่มที่ 3 NEC(55%)
ผมเอาไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของผม
⚪ ตุ่มที่ 4 EDU(10%)
ออมเพื่อการศึกษาครับ ไว้ซื้อหนังสือ
กับ เข้าเรียนหลักสูตรเพื่อพัฒนาตัวเอง (ลงทุนให้กับความรู้)
⚪ ตุ่มที่ 5 PLAY(10%)
เอาไว้ซื้อความสุขให้ตัวเองครับ ส่วนใหญ่ผมชอบดูหนัง
ดูกีฬาทีมโปรด และทานของอร่อยๆ ครับ
⚪ ตุ่มที่ 6 GIVE(5%)
ผมเอาไว้ทำบุญ ซึ่งผมชอบทำบุญ
โดยการบริจาคโลงศพ ปล่อยโคและกระบือครับ
ทั้งหมดคือ ความสุขเล็กๆ ของผม
ผมเห็นพอร์ตหุ้นผมใหญ่ขึ้น
มันมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
ผมก้าวมาทีละขั้น
เจออุปสรรค ผมก็ให้กำลังใจตัวเองเสมอ
สำหรับวันนี้ สิ่งที่ผมพูดคุณอาจจะได้แค่ฟัง!
แต่ถ้าคุณลงมือทำ คุณจะเข้าใจ
แล้วพบกันที่ความสำเร็จ
กับ เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ของคุณนะครับ